milestone record 5xx kms ( บันทึกระยะที่ 5xx กม. )

บันทึก Run with Passion ( ยาวหน่อย )

ณ 20180726

เริ่มวิ่งแบบมีเป้าหมาย 1 มิ.ย. – 26 ก.ค. 2018 ( รวม 55 วัน ) = ระยะ 596.9 กม. ( พี่ตูน 55 วัน = 2,215 กม. – -” )

ปกติไม่ชอบวิ่ง เพราะเหนื่อยง่าย ร่างกายไม่อึด ปอดไม่ทน ใจไม่สู้ แค่ 400 เมตร ก็แทบจะตายเอา

เมื่อปี 2011 ตัดสินใจเปลี่ยนกีฬาชนิดอื่นๆมาเป็นการวิ่ง เพราะ “มีรองเท้าคู่เดียวก็ไปออกกำลังกายได้” ก่อนหน้านั้นเล่นเทนนิส , weight และว่ายน้ำ แต่กีฬาทั้ง 3 อย่างนี้ค่อนข้างยุ่งยาก ทั้งอาศัยอุปกรณ์และความพร้อมหลายอย่าง ต้องรอเพื่อน สถานที่ก็เปิด-ปิดช่วงเวลาจำกัด ซึ่งทำให้บางวันพลาดที่จะได้ออกกำลังกาย

>>>> Run with Passion 1 “วิ่งเพราะมันง่ายกว่ากีฬาชนิดอื่น”

ปี 2012 – 2017 ช่วง 5 ปีนี้ก็วิ่งมาเรื่อยๆ แบบไม่ต้องมีหลักการ ความรู้ หรือเทคนิคใดๆ เสื้อผ้า กางเกง สไตล์บ้านๆ ( ไม่ชอบเรื่องเยอะ ) หยิบถุงเท้า รองเท้า ก็ไปสวนใหม่ วันละ 1-2 รอบ ไม่ต้องจับเวลา ไม่ต้องแข่งกับใคร เอาแค่พอสดชื่น วันไหนที่ได้วิ่งแล้วจะรู้สึกสดชื่นตั้งแต่กินข้าว อาบน้ำ ดูทีวี ไปจนกระทั่งนอน และที่สำคัญหลับลึกหลับสบาย นั่นคือเหตุผลที่ว่า วันไหนที่ไม่ได้วิ่งมันเหมือนขาดอะไรไป

>>>> Run with Passion 2 “วิ่งเพราะมันสดชื่น หลับสบาย”

ต้นปี 2017 ลุ้น Roger Federer เอาชนะ Nadal ใน Australian Open ช่วง ม.ค. 2017 โดยโพสเล่นๆไปว่าถ้า Fed ชนะ Nadal จะวิ่งสวนใหม่ 5 รอบ ( 10 กม. ) เพราะเดาว่า Fed แก่แล้วคงไม่ชนะหรอก

>>>> Run with Passion 3 “mini marathon ครั้งแรกเพราะ Federer” ( มันไม่น่าจะเกี่ยวกันได้เลย )

เป็น 10 กม.แรกที่หนักหนาสาหัส เมื่อย ล้า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ปี 2017 ได้วิ่งระยะ mini ประมาณเดือนละครั้ง

25 พ.ค. 2018 เกิดความสงสัยว่า พี่ตูนวิ่งจากใต้สุดขึ้นเหนือสุด รวม 55 วันระยะทาง 2,215 กม. นั่นคือต้องวิ่งวันละ 40 กม. พี่ตูนทำได้ไง จึงพิมพ์ไปถามคนรู้จักคนนึงที่เขาวิ่งประจำเหมือนกัน ( ขอเรียกชื่อว่า P )

P บอกว่า พี่ตูนเค้าวิ่งมาราธอนประจำ พวกนักวิ่งระดับนี้เค้าวิ่งระดับ ultra กันแล้ว ( เราก็งงว่าคือไรวะ ) เค้าถึงมั่นใจว่า 2,215 กม. ภายใน 55 วันนั้นเค้าทำได้
P บอกว่า ให้เราลองวิ่งระยะมากกว่านี้หน่อย วิ่งวันละ 2-4 กม. จะได้อะไร

>>>> Run with Passion 4 “คิดจะเพิ่มระยะวิ่งมากขึ้น เพราะพี่ตูน”

28-30 พ.ค. 2018 เริ่มรู้สึกว่า เราวิ่งแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆมานานละ มันก็ ok และแต่อยากลองพัฒนาขึ้นดูบ้าง จึงหาดูข้อมูลใน youtube เจอข้อมูลดีๆมากมาย โดยเฉพาะ Youtube ของ Where2Run ( https://www.youtube.com/user/wongvanakit ) ดูไปฮาไป ชอบๆ

>>>> Run with Passion 5 “คิดพัฒนาการวิ่ง เพราะข้อมูลใน youtube”

31 พ.ค. 2018 เมื่ออ่านและชม clip vdo มากมาย และจึงตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง ที่ตั้งเป้าหมายก็เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มเลิกง่ายๆ เพราะกีฬาชนิดนี้ “ใช้จิตใจก้าวไปข้างหน้า … ไม่ได้ใช้ขา” ดังนั้นเป้าหมายแรกคือตลอดทั้งเดือน มิ.ย. จะไปให้ได้ถึง 200 กม.

>>>> Run with Passion 6 “เป้าหมายแรก มิ.ย. 200 กม.”

1 มิ.ย. เริ่มวิ่งทุกวัน วันละ 10 กม. แรกๆก็เหนื่อย ผ่านไป 1 สัปดาห์ เริ่มชิน จน P ทักมาว่า ใครเขาวิ่ง mini กันทุกวันโดยไม่พัก เดี๋ยวก็เจ็บหรอก เราก็ฟังแต่ก็ฟังร่างกายด้วย เห็นว่าได้จึงไปต่อเนื่องทุกวัน

14 มิ.ย. เริ่มชินกับ 10 กม. จึงถาม P ว่า จะขึ้นระยะ half (21กม.) ต้องทำไง P จึงส่งตารางซ้อมแต่ละระยะมาให้ดูแล้วบอกว่า “ต้องซ้อม ไม่มีทางลัด ซ้อมเท่านั้นจึงจะไปถึง” โดย P ให้ลอง 15 กม.ดูก่อน และบอกอีกว่าถ้าคิดจะลอง half ให้เผื่อเวลาไว้เลย 4 ชม.

>>>> Run with Passion 7 “Half marathon แรกเพราะต้องการทลายกำแพงข้อห้าม & ลองไปทางลัด”

15 มิ.ย. มั่นใจว่าขาและกล้ามเนื้อมันชินและมีกำลังมากพอ จึงไม่คิดทำตามตาราง และจบ half ( 21 กม. ) สำเร็จ กลับถึงบ้านขาตึงและเมื่อยแทบเดินไม่ได้ เดินขึ้นลงบันไดแทบไม่ได้ ทุกครั้งที่มันล้าแบบก้าวเดินไม่ได้นี้ ไม่ได้เป็นทุกข์เลยนะ ใจเราเป็นสุขยังไงก็ไม่รู้ ( ลองดูดิ )

16 มิ.ย. ถาม P ว่า เมื่อวานลอง half แล้วเมื่อยมือ ( P งงว่ามันเกี่ยวอะไรกัน ) จึงบอกว่าวิ่งจับมือถือตลอดเวลา เปลี่ยนไปมือซ้ายบ้าง ขวาบ้าง P จึงบอกว่า “บ้าเบาะ ใครเขาวิ่งจับมือถือกัน” แนะให้หาซื้อกระเป๋าคาดเอวมาใช้

ใจเราเป็นแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆ ไม่อยากยึดติดอุปกรณ์การวิ่งมากไปกว่า “แค่รองเท้าดีๆ 1 คู่” แต่สุดท้ายจึงต้องยอมหาซื้อกระเป๋าคาดเอวมารัด เอาไว้ใส่มือถือขณะวิ่ง ( ต้องพกมือถือขณะวิ่ง เพื่อให้ GPS ของมือถือมันจับระยะ เพราะ apple watch เวอร์ชั่นแรกที่มี GPS มันไว้ใจไม่ได้ )

จบ มิ.ย. 2018 รวมระยะ 318 กม. ( วิ่ง 29 วัน หยุดเพียงวันเดียว และเป็นการวิ่ง half 4 ครั้ง , วิ่งตากฝน 4 ครั้ง )

ต้นเดือน ก.ค. ก็วันละ 10 กม.ตามวินัยที่ตั้งไว้ ( กลับบ้านอาบน้ำสดชื่น ) ลองถาม P ว่า Half โคตรล้าเลย พวก Full ( 42 กม. ) เค้าทำไงถึงวิ่งได้ถึง เช่นเคย P ตอบว่า ต้องซ้อมตามตาราง ไม่มีทางลัด ถ้าคิดจะไปทางลัด บาดเจ็บแน่ๆ

>>>> Run with Passion 8 “32 กม.แรก เพราะ ยิ่งห้าม ยิ่งยุ”

7 ก.ค. 2018 จึงจบ 32 กม. ( ถ้าใจมันบอกว่าจะเอาระยะเท่าไร ร่างกายมันก็จะก้าวไปเอง ) เริ่ม start 13:30 น. กว่าจะจบปาไป 5 ชม. ขาล้าสุดๆ จำได้ว่าเดินจากรถเข้าบ้านก้าวได้ทีละครึ่งฟุต

จบ 32 กม.แรก จึงได้ค้นพบว่า การวิ่งระยะไกลนั้นต้องเตรียมระวังปัญหาที่จะตามมา ดังนี้

> พลังงานหมด พอถึงระยะ 21 กม.ขึ้นไป พลังงานในร่างกาย(ที่กินๆไว้)จะเริ่มไม่พอ ถ้าไม่เสริม จะวูบหรือไม่มีแรงไปต่อ P จึงแนะนำให้รู้จัก power gel ( แต่มันแพงมาก 1 ซอง 70 บ. ได้ 100 kcal ซึ่งกินน้ำหวานราคา 10-20 บ. ได้ kcal เยอะกว่าอีก )
> เป็นครั้งแรกที่กางเกงเสียดสีกับต้นขา แสบมาก เพิ่งเข้าใจว่าต้องเลือกกางเกงที่ลื่น
> เหงื่อท่วมเสื้อและกางเกง (กางเกงในด้วย) ซึ่งเป็นแบบนี้หลัง 24 กม. จึงเรียนรู้ว่า ควรหาเสื้อและกางเกงระบายเหงื่อ ( แต่ทุกวันนี้ก็ใส่แบบเดิม ไม่เรื่องมากกับอุปกรณ์ )
> เหงื่อไหลเข้าตาทุกๆ 500 ม. ต้องเอามืดปาดที่หน้าผากแล้วระบัดออก ข้อมูลในเน็ตแนะนำว่าหาสายคาดหัวแบบกันเหงื่อเข้าตา ( แต่ก็ไม่ใช้ ไม่อยากเยอะกับอุปกรณ์ คงสไตล์แบบบ้านๆนี่หล่ะ )
> แดดเผา ควรหาหมวกใส่ แล้วควรเป็นหมวกแบบคาดหัว เพื่อให้บนหัวระบายอากาศ ( เหมือนเดิม ไม่เอา เรื่องเยอะ prop เยอะไป )
> ปัญหาต่างๆ แก้ด้วยการจัดอุปกรณ์ upgrade มากมาย เพื่อให้วิ่งได้ราบรื่น แต่สรุปว่าช่างมันทั้งหมดเลย สุดท้ายไม่ upgrade อะไร

22 ก.ค. 2018 มีงานอุบลมาราธอน ตอนแรกว่าจะไป แต่สุดท้ายไม่ไป เหตุผลคือต้องเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ เตรียมเดินทาง เตรียมที่พัก เตรียมเคลียร์งาน เตรียมนอน เตรียมตื่น ปัญหาใหญ่สุดคือต้องตื่นตี 1-2 เพื่อไปให้ถึงสนามตี 3 เช็คชื่อ ปล่อยตัว ฯลฯ ซึ่งตี 1 ก็เป็นเวลาที่เพิ่งจะเริ่มนอนด้วย ถ้าไปรอบนี้คงไม่ได้นอนไปลงสนาม เดี๋ยววูบ จึงไม่ไป

22 ก.ค. 2018 ตื่นสาย ลุกมา 9 โมง ทำกิจวัตรไปตามปกติถึง 11 โมง ก็ไล่ดูใน face ว่ากลุ่มวิ่งที่อุบลเค้าเป็นไงกันบ้าง เห็นแต่ละคนโพสตอนถึงเส้นชัยแล้ว Passion มันก็เกิด มองไปที่ท้องฟ้า เมฆคลุมไปหมด เฮ้ยแดดอ่อนนี่หว่า สถานการณ์แบบที่ต้องการเลย ที่จะไปให้ถึง 42.195 กม. ( โอกาสที่เหมาะสมแบบไม่นี้ ไม่มีอีกแล้ว )

>>>> Run with Passion 9 จบ Full marathon แรกได้เพราะ “ถ้าใจมันบอกว่าจะเอาระยะเท่าไร ร่างกายมันก็จะก้าวไปเอง”

บึ่งรถไปสวนใหม่ start 11:59 น. จบ 18:06 น. เป็นระยะ Full marathon แรกในชีวิต

Hooyah !

23-24 ก.ค. หยุดพัก เช็คร่างกาย ขาไม่เจ็บ เข่าไม่เจ็บ ร่างกายปกติ แต่หน้าเริ่มลอกเป็นแผ่นๆเพราะแดดเผา ( นี่ขนาดแดดอ่อน เมฆบังนะ )

25 ก.ค. เริ่มวิ่งต่อไป …

>>>> >>> >> >

สรุประยะเวลา 50 กว่าวันที่ผ่านมา :

1. มาราธอน = กีฬาวัดใจ

2. ถ้าใจมันบอกว่าจะเอาระยะเท่าไร ร่างกายมันก็จะก้าวไปเอง

3. วิ่งเพราะ มี Passion ใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ และสนุกกับมัน

“Run with Passion”

20180726://TNK.Theory